ดาวโหลดข้อสอบทั้งหมดที่นี่
http://www.ziddu.com/download/12432521/test1.doc.html
จงใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการตอบคำถามข้อ 1. -9.
บริษัท วิภา จำกัด ใบสำคัญค้างจ่ายยกมาต้นเดือนมกราคม มีดังนี้
บริษัท ทรัพย์รุ่ง จำกัด 40,000 บาท
บริษัท วนา จำกัด 60,000 บาท
บริษัทขาว จำกัด 20,000 บาท
ในเดือนมกราคม มีรายการค้าบางส่วนเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
วันที่ 1 ซื้อสินค้าจากบริษัท สมทิชัย จำกัด 20,000 บาท
11 จ่ายค่าโฆษณาให้บริษัท มีเดีย จำกัด 6,000 บาท
13 ผู้รักษาเงินสดย่อยเบิกชดเชยเงินสดย่อยเป็นค่าวัสดุสำนักงาน 500 บาท ค่าน้ำมัน
ค่าน้ำมัน 1,000 บาท
14 ซื้อสินค้าจากบริษัท สมทิชัย จำกัด 50,000 บาท เงื่อนไข 2/10,n/30
20 จ่ายชำระเครื่องคอมพิวเตอร์จากร้านโอเอ เป็นเงิน 60,000 บาท
จ่ายเช็ควันนี้ 20,000 บาท ที่เหลือแบ่งจ่าย 2 งวดๆ ละเท่าๆ กัน
29 จ่ายค่าโทรศัพท์ให้กับการสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นเงิน 2,000 บาท
1. รายการในวันที่ 13 บันทึกรายการใน
(1)ทะเบียนใบสำคัญจ่าย (2) ทะเบียนจ่ายเช็ค (3) สมุดเงินสดย่อย (4) ข้อ 1 และ 2
ตอบ 4 ก) บันทึกรายการในทะเบียนใบสำคัญจ่าย
เดบิท สำนักงาน 500
ค่า พาหนะ 1,000
เครดิต ใบสำคัญจ่าย 1,500
ข) บันทึกรายการในทะเบียนจ่ายเช็ค
เดบิท ใบสำคัญจ่าย 1,500
เครดิต เงินฝากธนาคาร 1,500
2. ระบายคำตอบเช่นเดียวกับข้อ 1.
3. ยอดรวมเครดิตใบสำคัญจ่ายในทะเบียนใบสำคัญจ่ายเท่ากับ
(1) 98,000 บาท (2) 139,500 บาท (3) 138,000 บาท (4) 259,500 บาท
ตอบ 2
ทะเบียนใบสำคัญจ่าย
4. ระบายคำตอบเช่นเดียวกับข้อ 3.
5. ยอดรวมเครดิตเงินฝากธนาคารในทเบียนจ่ายเช็คเท่ากับ
(1) 49,500 บาท (2) 69,500 บาท (3) 109,500 (4) 158,000 บาท
ตอบ 1
ทะเบียนจ่ายเช็ค
6. ระบายคำตอบเช่นเดียวกับข้อ 5.
7. ยอดรวมใบสำคัญจ่ายค้างจ่ายสิ้นเดือน เท่ากับ
(1) 90,000 บาท (2) 181,500 บาท (3) 160,000 บาท (4) 210,000 บาท
ตอบ 3 ยอดรวมใบสำคัญค้างจ่าย ณ สิ้นเดือนมกราคม
เลขที่ใบสำคัญ ผู้รับเงิน จำนวนเงิน
บริษัท ทรัพย์รุ่ง จำกัด 40,000 บาท
บริษัท วนา จำกัด 60,000
บริษัท ขาว จำกัด 20,000
006 ร้าน โอเอ 20,000
007 ร้าน โอเอ 20,000
ยอดรวม 160,000 บาท
8. ระบายคำตอบเช่นเดียวกับข้อ 7.
ข้อความใดถูกต้องเกี่ยวกับการบันทึกรายการสำคัญรายการในวันที่ 20
ก. บันทึกรายการในทะเบียนใบสำคัญ
ข. บันทึกรายการในทะเบียนจ่ายเช็ค
ค. บันทึกรายการในสมุดรายวันทั่วไป โดย
เดบิท ใบสำคัญจ่าย- บริษัท วนา จำกัด 60,000
เครดิต ตั๋วเงินจ่าย 60,000
(1) ก. เท่านั้น (2) ก. และ ข. (3) ก.และค. เท่านั้น (4) ค.เท่านั้น
ตอบ 5 บันทึกรายการลงในสมุดรายวันทั่วไป
เดบิท ใบสำคัญจ่าย- บริษัท สมทิชัย จำกัด 50,000
เครดิต ตั๋วเงินจ่าย 49,000
ส่วนลดรับ(50,000 * 2%) 1,000
10. ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้อง
(1) กิจการที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร มีการจัดทำงบดุลและงบกำไรขาดทุนเหมือนกับกิจการที่หวังผลกำไรทั่วไป
(2) เงินสดและเงินฝากธนาคารคงเหลือปลายงวด = เงินสดและเงินฝากธนาคารคงเหลือต้นงวด+ รายได้ – ค่าใช้จ่าย
(3) ส่วนต่างของรายรับรายจ่ายให้นำไปปรับปรุงกับทุนสะสมต้นงวด เพื่อคำนวณหาทุนสะสมปลายงวด
(4) กิจการที่ไม่ได้แสวงหากำร ต้องบันทึกบัญชีตามเกณฑ์คงค้างเท่านั้น
ตอบ 1 กิจการที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร มีการจัดทำงบรายรับรายจ่าย งบรายได้ค่าใช้จ่าย และงบดุล ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการบันทึกบัญชีคือ หลักเงินสด หลักเงินค้าง และหลักผสม คือใช้ทั้งเงินสดและเงินค้าง ในการคำนวณหาเงินสดและเงินฝากธนาคารปลายงวด คำนวณได้จากเงินสดและเงินฝากธนาคารต้นงวด บวก รายรับหักราย จ่าย และการคำนวณหาทุนสะสมปลายงวด คำนวณจากทุนสะสมต้นงวด บวก รายการเพิ่มทุนหักรายการลดทุน และส่วนลดต่างของรายรับและรายจ่ายให้นำไปปรับกับเงินสดและเงินฝากธนาคารต้น งวด เพื่อหาเงินสดและเงินฝากธนาคารปลายงวด
11. ระบายคำตอบเช่นเดียวกับข้อ 10.
เรื่องงบพิสูจน์ยอดเงินฝากธนาคาร
จงใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการตอบคำถามข้อ 12.-20.
ยอดเงินฝากคงเหลือตามสมุดบัญชีของกิจการ มีเท่ากับ 25,940 บาท
ยอดเงินฝากธนาคารตามใบแจ้งยอดเงินฝากธนาคารคงเหลือ เท่ากับ ?
พนักงานบัญชีได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อจัดทำงบกระทบยอดดังนี้
1. กิจการฝากเงินกับธนาคาร แต่ยอดยังไม่ปรากฏในรายงานธนาคาร 4,200 บาท
2. กิจการมีเช็คค้างจ่าย จำนวนเงินทั้งสิ้น 6,000 บาท
3. ธนาคารหักค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี 120
4. กิจการออกเช็คเพื่อจ่ายค่าไฟฟ้าเป็นจำนวน 4,200 บาท แต่บันทึกผิดเป็น 2,000 แต่มีการ
ตัดบัญชีที่ธนาคารด้วยยอดที่ถูกต้องแล้ว
5. เช็ครับชำระจากลูกหนี้มีเงินไม่พอในบัญชี
6. ธนาคารนำเช็คสั่งจ่ายให้กับบริษัทอื่นจำนวน 5,600 บาท มาเข้าบัญชีของกิจการ
ตั้งแต่ข้อ 12. – 20. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) ข้อแตกต่างที่ต้องนำไป บวก ยอดเงินฝากธนาคารในสมุดบัญชีของกิจการ
(2) ข้อแตกต่างที่ต้องนำไป หัก ยอดเงินฝากธนาคารในสมุดบัญชีของกิจการ
(3) ข้อแตกต่างที่ต้องนำไป บวก ยอดเงินฝากธนาคารในใบแจ้งยอดของกิจการ
(4) ข้อแตกต่างที่ต้องนำไป หัก ยอดเงินฝากธนาคารในใบแจ้งยอดของธนาคาร
12. ในการจัดทำงบพิสูจน์ยอดเงินฝากธนาคารแบบพิสูจน์หายอดเงินฝากธนาคารคงเหลือที่ถูกต้อง ข้อแตกต่างที่ 4
ตอบ 2
คำนวณประกอบข้อ 12.-20.
งบพิสูจน์ยอดเงินฝากธนาคาร
ณ วันที่...................
ตามสมุดบัญชีของกิจการ ตามใบแจ้งยอดเงินฝากธนาคาร
ยอดคงเหลือ 25,940 27,020
บวก เงินฝากระหว่างทาง คำตอบข้อ 15. 4,200
25,940 31,220
หัก เช็คค้างจ่าย คำตอบข้อ 16. 6,000
เช็ครับของบริษัทอื่นที่เข้าบัญชีผิด คำตอบข้อ 14. 5,600 11,600
ค่าธรรมเนียมธนาคาร 120 คำตอบข้อ 17.
เช็คที่บันทึกบัญชีต่ำไป (4,200 – 2,000) 2,200 คำตอบข้อ 12.
เช็คคืน คำตอบข้อ 13. 4,000 6,000
ดังนั้น ยอดเงินฝากธนาคารที่ถูกต้อง 19,620 19,620
13. ในการจัดทำงบพิสูจน์ยอดเงินฝากธนาคารแบบพิสูจน์ยอดเงินฝากธนาคารคงเหลือที่ถูกต้อง ข้อแตกต่างที่ 5
ตอบ 2 ดูคำนวณในข้อ 12. ประกอบ
.................................................................
แนวข้อสอบผู้ช่วยพนักงานธุรกิจธนาคารชุมชน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
1. ข้อใด คือวิสัยทัศน์ของ ธ. ก. ส.
ก. เป็นธนาคารของชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย
ข. เป็นธนาคารพัฒนาชุมชนเกษตรกรไทยอย่างถาวรและยั่งยืน
ค. เป็นธนาคารเพื่อการเกษตรที่พัฒนาสู่ระดับสากล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรรายย่อย
ง. เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่มั่นคง มีการจัดการที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรรายย่อย
ตอบข้อ ง. วิสัยทัศน์ของ ธ. ก. ส. คือ “ เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่มั่นคง มีการจัดการที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรรายย่อย ”
2. Payment Function คืออะไร
ก. หน้าที่รับฝากเงิน ข. หน้าที่จ่ายเงิน
ค. หน้าที่ให้กู้ยืม ง. หน้าที่ทั่วไปเกี่ยวกับการเงิน
ตอบข้อ ข. “ หน้าที่จ่ายเงิน (Payment Function) หมายถึง การจ่ายคืนเงินแก่ผู้ฝาก ธนาคารพาณิชย์ที่รับฝากจากลูกค้าจะต้องเตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อการถอนคืนทุกขณะที่ลูกค้าต้องการด้วยการดำรงเงินสดสำรองไว้ ธนาคารพาณิชย์ที่สามารถจ่ายเงินคืนผู้คืนผู้ฝากได้ทุกครั้งนำมาซึ่งความเชื่อถือของผู้ฝากเงินซึ่งหมายถึงความไว้วางใจนำเงินฝากที่ธนาคารในอนาคต เพราะว่าธนาคารจะใหญ่ขึ้นหรือมีรายได้มากขึ้นเมื่อมีเงินฝากเพิ่มขึ้น เงินฝากจะเพิ่มขึ้นเมื่อธนาคารสามารถสร้างความเชื่อถือให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น ลูกค้าจะเชื่อถือธนาคารมากขึ้นเมื่อธนาคารมีหน้าที่การจ่ายคืนเงินฝากที่ดี ดังนั้น หน้าที่การจ่ายเงินที่ดีจะนำไปสู่ความมั่งคั่งแก่ธนาคารนั่นเอง ”
3. ข้อใด ไม่ใช่ ความหมายของ ธนาคารพาณิชย์
ก. ธนาคารพาณิชย์ไทยที่ขึ้นตรงกับธนาคารแห่งประเทศไทย
ข. บริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์
ค. สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์
ง. ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย
ตอบข้อ ก. ธนาคารพาณิชย์ หมายถึง บริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และให้ความหมายรวมถึงธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ และสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์
4. ข้อใด มิใช่ หน้าที่ของธนาคารพาณิชย์
ก. รับฝากเงิน ข. หน้าที่จ่ายเงิน
ค. หน้าที่ให้กู้ยืมเงิน ง. หน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการเงิน
ตอบข้อ ง. หน้าที่ของธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ 1. หน้าที่รับฝากเงิน 2. หน้าที่จ่ายเงิน 3. หน้าที่ให้กู้ยืมเงิน 4. หน้าที่ทั่วไปเกี่ยวกับการเงิน
5. การฝากเงินประเภทกระแสรายวัน มีวัตถุประสงค์ตามข้อใด
ก. เพื่อความปลอดภัยในเงินฝาก
ข. เพื่อความสะดวกแก่ผู้ฝากเงินเมื่อต้องการจ่ายเงิน
ค. เพื่อก่อเกิดรายได้จากการรำเงินมาฝาก
ง. เพื่อช่วยให้การกู้ยืมเงินธนาคารง่ายขึ้น
ตอบข้อ ข. เพื่อสะดวกแก่ผู้ฝากเงินเมื่อต้องการจ่ายเงิน ผู้นำเงินฝากด้วยวัตถุประสงค์นี้มักฝากเงินประเภทกระแสรายวันที่จ่ายคืนด้วยเช็ค
6. ธนาคารพาณิชย์มีแหล่งเงินได้กี่แหล่ง
ก. 2 แหล่ง ข. 3 แหล่ง
ค. 4 แหล่ง ง. 5 แหล่ง
ตอบข้อ ก. ธนาคารพาณิชย์มีแหล่งที่ได้มาของเงินใหญ่ๆ 2 แหล่ง คือ 1. ขากแหล่งเจ้าของ และ 2. จากแหล่งเจ้าหนี้ เงินที่ธนาคารพาณิชย์นำไปให้กู้ยืมหรือลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อก่อให้เกิดรายได้แก่ธนาคารส่วนใหญ่มาจากเงินฝาก เมือเงินฝากมีมากขึ้น ธนาคารสามารถนำไปหาผลประโยชน์ได้มากขึ้น ดังนั้น ธนาคารจะใหญ่ขึ้นเรื่องๆ เมื่อมีเงินฝากเพิ่มขึ้น
7. ข้อใด มิใช่ เหตุผลในการฝากเงินไว้กับธนาคาร
ก. เพื่อความสะดวกในการจ่ายเงิน
ข. เพื่อความปลอดภัยในเงินฝาก
ค. ใช้รายการบัญชีเงินฝากเป็นสถิติการรับ – จ่ายเงินของเจ้าของบัญชี
ง. ใช้รายการบัญชีเงินฝากเป็นหลักฐานเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ
ตอบข้อ ง. เหตุผลในการฝากเงินไว้กับธนาคาร
1. เพื่อความสะดวกแก่ผู้ฝากในการจ่ายเงิน
2. เพื่อความปลอดภัยในเงินฝาก
3. เพื่อก่อให้เกิดรายได้จากการนำฝาก
4. เพื่อช่วยให้การกู้ยืมง่ายขึ้น
5. เพื่อใช้เป็นสถิติการรับ – จ่ายเงินของเจ้าของบัญชี
8. ข้อใด คือ เหตุผลในการฝากเงินประเภทเงินฝากประจำ
ก. เพื่อความปลอดภัยในเงินฝาก และความสะดวกในการจ่ายเงิน
ข. เพื่อก่อให้เกิดรายได้จากการนำฝาก และใช้เป็นสถิติการรับ – จ่ายเงิน
ค. เพื่อช่วยให้การกู้ยืมง่ายขึ้น และความสะดวกในการจ่ายเงิน
ง. เพื่อก่อให้เกิดรายได้ และความปลอดภัยในเงินฝาก
ตอบข้อ ง. ผู้ฝากเงินประเภทประจำ และออมทรัพย์จะได้รับประโยชน์จากธนาคารในด้านความปลอดภัยของเงินฝากควบคู่ไปกับการได้รายได้จากเงินฝากนั้น
9. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ. ก. ส.) มีระบบการธนาคารเป็นแบบใด
ก. ระบบธนาคารเดี่ยว ข. ระบบธนาคารสาขา
ค. ระบบธนาคารกลุ่ม ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข.
ตอบข้อ ข. ระบบธนาคารสาขา คือ ระบบของธนาคารที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่หนึ่ง มีสามขากระจายอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ หรือในท้องถิ่นเดียวอาจมีสามขาของธนาคารมากกว่าหนึ่งแห่งก็ได้
10. ใครเป็นผู้มีอำนาจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
ก. รัฐบาล
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย
ง. นายยกรัฐมนตรีโดยอิงอัตราในตลาดต่างประเทศ
ตอบข้อ ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย มีอำนาจกำหนดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
11. ข้อใด มิใช่ ข้อเสียของระบบธนาคารสาขา
ก. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีสาขาหลายแห่ง
ข. ก่อให้เกิดอิทธิพลผู้ขาดทางการเงิน
ค. การดำเนินงานเกิดความล่าช้าในเรื่องการสั่งการ
ง. ขาดการแข่งขัน
ตอบข้อ ก. ข้อเสียของระบบธนาคารสาขา
1. ธนาคารสาขาอาจไม่ช่วยการพัฒนาท้องถิ่นได้เท่ากับธนาคารที่มีกำหนดและดำเนินการในท้องถิ่นนั้น เมื่อสาขาระดมเงินออมจากท้องถิ่นต่างๆได้แล้ว จะมีการโอนเงินทุนไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อการพิจารณาให้กู้ยืม เป็นธรรมดาที่การให้กู้ยืมมักจะให้แก่ลุกค้าที่มีฐานะทางเครดิตดีและโดยส่วนใหญ่ลูกค้าเหล่านี้มักอยู่ในตัวเมืองใหญ่ๆ เงินทุนที่ควรจะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่นที่มีการออมกลับถูกนำไปใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นอื่น ท้องถิ่นใดเจริญแล้วจะเจริญต่อไปเรื่อยๆท้องถิ่นที่ยังล้าหลังจะยังคงล้าหลังอยู่ต่อไป
2. ก่อให้เกิดอิทธิพลผูกขาดทางการเงิน การมีสามขากระจายไปทุกแห่ง ทำให้เงินทุนจะถูกระดมเข้ามาสู่สำนักงานใหญ่มาก นำไปสู่ความมีอิทธิพลในกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
3. การดำเนินงานของระบบธนาคารสาขาอาจเกิดความล้าช้าในเรื่องการสั่งการสื่อสารสารสนเทศ
4. ขาดการแข่งขัน ระบบธนาคารสามขามักมีจำนวนธนาคารน้อยกว่าระบบธนาคารเดี่ยว โอกาสในการร่วมตกลงเพื่อกำหนดวิธีการดำเนินการมีมาก อาจทำให้เกิดการขาดการแข่งขันที่ดี
12. ธนาคารแห่งแรกที่มีขึ้นในประเทศไทย คือ ธนาคารใด
ก. ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ข. ธนาคารออมสิน
ค. ธนาคารสแตนดาร์ดชาเตอร์ ง. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ตอบข้อ ก. ประวัติของธนาคารพาณิชย์เริ่มขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยชาวอิตาเลี่ยนทำหน้าที่เป็นนายธนาคาร สำหรับในประเทศไทย ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกแต่เป็นธนาคารสาขาของธนาคารต่างประเทศ
13. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ . ก. ส. ) ตั้งขึ้นในปีใด
ก. พ. ศ . 2490 ข. พ. ศ . 2509
ค. พ. ศ . 2500 ง. พ. ศ . 2519
ตอบข้อ ข. รัฐบาลได้จัดตั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ . ก. ส. ) ตั้งขึ้นเมื่อปี พ. ศ . 2509 โดยให้เป็นสถาบันระดับชาติ ที่มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่อำนวยสินเชื่อให้เกษตรกรอย่างกว้างขวางทั้งในด้านเกษตรโดยตรง และสถาบันเกษตรกร
14. ธนาคารพาณิชย์ของคนไทยแห่งแรก คือ
ก. ธนาคารกรุงไทย ข. ธนาคารออมสิน
ค. ธนาคารไทยพาณิชย์ ง. ธนาคารนครหลวงไทย
ตอบข้อ ค. ธนาคารพาณิชย์ของคนไทยแห่งแรก คือ “ธนาคารไทยพาณิชย์ ”
15. ปัจจุบัน ธ . ก. ส. มีสาขาทั้งสิ้นกี่สาขา
ก. 1095 สาขา ข. 1101 สาขา
ค. 1195 สาขา ง. 1795 สาขา
ตอบข้อ ข. ปัจจุบัน ธ . ก. ส. มีสาขาทั้งสิ้น 1101 สาขา ณ.ปี พ.ศ. 2553
16. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คือบุคคลใด
ก. นายธีระ วงศ์สมุทร ข. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
ค. นายชัย ชิดชอบ ง. ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย
ตอบข้อ ก. นายธีระ วงศ์สมุทร เริ่มดำรงตำแหน่ง 9 สิงหาคม 2554
==================================
ลองไปทำข้อสอบให้หมดก่อนไป…แล้ว…
เดวแอดมิน จะเอามาให้อีกนะครับ …
จะขอบคุณอย่างมาก กดติดตามและดูเว็บของเรา https://www.facebook.com/jobsodtid?fref=ts
http://www.jobsobtid.com/